Deathmetal

Deathmetal
ดนตรีแห่งความตาย

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดนตรี Black Metal

ดนตรี Black Metal
ดนตรี Black Metal นั้นมีต้นกำเนิดมาจากมาจากดินแดนแห่งไวกิ้ง นั่นก็คือดินแดนในแถบของแสกนดิเนเวีย โดยเฉพาะประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่มีวงแบล๊กเมทัลเยอะ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องของประวัติศา สตร์ด้วย เพราะว่าในอดีตชาวคริสเตียนเคยมาเผามาฆ่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือพวกนับรบไวกิ้ง และพวกคริสเตียนยังคับให้พวกเขานับถือพระเจ้า ใครไม่นับถือก็ฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่เด็ก จึงไม่แปลกที่ส่วนลึกๆของชาวนอร์เวย์คงเกลียดชังพวกคริสเตียนอยู่ไม่น้อย เลยมีวงแบล็กเมทัลจำนวนมาก[1][4] วงแบล็กเมทัลที่มีชื่อเสียง และถือเป็นต้นกำเนิดของแนวเพลงที่ชั่วร้าย นั่นก็คือ Meyhem

เรื่องราวของ   Mayhem เริ่มต้นที่ออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในปี 84  โดยมือกีต้าร์หนุ่มอายุ  16 ปี
Oystein Aarseth หรือฉายาที่ใครต่อใครเรียกจนติดปากว่า Euronymous ร่วมด้วย Necrobutcher (Jom Stubberud) ในตำแหน่งเบสและ Mayhem (Kjetil Manhelm) กระหน่ำกลอง พวกเขาพอใจกับการหมกตัวอยู่ในซอกหลืบอันมืดมิด เล่นดนตรีไม่เหมือนใคร หนัก ดิบ ก้าวร้าวและโหดเหี้ยม
เพลง  Mayhem with Mercy   จากอัลบั้ม  Welcome to Hell   เป็นไกด์ในการตั้งชื่อวง ประกอบกับมีนิสัยชอบเก็บตัว เต็มไปด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า เกลียดชังคริสต์เตียน ยืนหยัดเพื่อมาตุภูมิไวกิ้ง ทำให้บทเพลงของเขาเปรียบเสมือนเตาหลอมพลังชั่วร้ายทั้งมวลเอาไว้
เท่านั้นไม่พอ การแสดงของวงก็เต็มไปด้วยความเถื่อนซาดิสต์ Dead(นักร้องคนใหม่ของวง) เพนต์หน้าและแต่งกายได้ราวกับศพนรกขณะที่เวทีถูกประดับไว้ด้วยหัวหมูขนาดยักษ์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ Dead ต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล เนื่องจากเสียเลือดไปมากจากการประทุษร้ายตัวเองระหว่างแสดงชื่อเสียงของวงในช่วงนั้นได้มาจากการเล่นสดล้วนแต่ขณะที่ทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ตำนานแรกของวงก็อุบัติขึ้น  Dead  สังเวยชีวิตตัวเองจากการกระทำอัตวินิบาตกรรมเมื่อวันที่  8 เมษายน 1991 มัจจุราชได้กระซากวิญญาณบุรุษผู้ไม่หวั่นความตายไปอย่างชวนสยองชั่วนิรันดร์ ณ วันเกิดเหตุ Hellhammer และ Euronymous พบศพเพื่อนร่วมวงในสภาพเลือดเปรอะเต็มที่นอนและฝาห้อง สมองกระจายจากแรงกระสุนเจาะกะโหลกแต่  Euronymous จัดวางท่วงท่าของศพเพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก่อนจะโทรเรียกเจ้าหน้าที่ด้วยซ้ำ   ทำให้เรามีโอกาสได้เห็นภาพนั้นจากอัลบั้ม  Dawn of the Black Heart (1995)  (ดูรูปที่1)  ขณะที่  Hellhammer ก็เก็บบางชิ้นส่วนของกะโหลกมาทำจี้ห้อยคอ Black Metal ในแบบฉบับของ Mayhem

ต่อจากนั้นพวกเขาก็หานักร้องใหม่ และผลักดันวงของพวกเขาอยู่ในอุดมการณ์อันแรงกล้า ปัจจุบันพวกเขายังออกผลงานอย่างต่อเนื่อง
นอกจาวง Mayhem แล้ว ยังมี Dark Funeral , Immortal , Burzum (วงนี้เคยเผาโบสถ์มาแล้วด้วย) , Dissection , Voivod , Abigail , Impiety , Abazagorath , Antaeus , Werwolf Division , Blasphemy , Beherit , Watain , Gorgoroth และอีกมายมายซึ่งนับไม่ถ้วน แต่ในส่วนแบล็คเมทัลของไทยที่มีชื่อเสียงไปถึงต่างประเทศนั่นก็คือ Surrender Of Divinity ซึ่งหนึ่งในสมาชิกของวงนั้น มีมุสลิมอยู่ด้วย 

Illuminati (อิลลูมิเนติ หรืออิลลูมินาติ)

          อิลลูมิเนติ (Illuminati) เป็นชื่อที่อ้างอิงถึงกลุ่มหลาย ๆ กลุ่ม ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในความเป็นจริงและในเรื่องแต่ง ในอดีตนั้นใช้อ้างถึงบาวาเรียนอิลลูมิเนติ ซึ่งเป็นสมาคมลับในยุคเรืองปัญญาที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2319 สำหรับในปัจจุบันจะใช้อ้างถึงองค์กรสมคบคิดที่ถูกอ้างว่า เป็นกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังอำนาจอย่างลับๆ โดยการควบคุมเหตุการณ์ในโลกทุกวันนี้ผ่านทางรัฐบาลและกลุ่มบุคคลอื่นๆ คล้ายกับว่าเป็นการฟื้นคืนชีพหรือการสืบทอดอำนาจอย่างต่อเนื่องของบาวาเรียนอิลลูมิเนติ โดยในบริบทนี้คำว่า อิลลูมิเนติ มักจะถูกใช้อ้างถึง New World Order (NWO) นักทฤษฎีสมคบคิดจำนวนมากเชื่อว่าอิลลูมิเนติอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่การสถาปนาลัทธิดังกล่าว และข้อเท็จจริงที่สร้างความสับสนมากขึ้นไปอีกก็คือ ปัจจุบันมีกลุ่มภราดรหลายกลุ่มที่มีคำว่า "อิลลูมิเนติ" อยู่ในชื่อกลุ่มด้วย[1][3]
                ในสังคมปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้ได้แทรกซึมเข้าไปในสังคมต่างๆมากมาย และในสังคมไทยของเราลัทธิซาตานก็ได้แทรกซึมเข้ามา โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น พวกมันได้แทรกซึมเข้ามากับแนวเพลงที่มีชื่อว่า Black Metal ซึ่งเป็นดนตรีแขนงหนึ่งจากเมทัล ซึ่งดนตรีแนวนี้อาจเป็นที่รู้กับคนกลุ่มน้อยในเมืองไทย ซึ่งเนื้อหาของ Black Metal นั้น จะว่าด้วยเรื่องของการบูชาซาตาน การเหยียดหยามศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ การต่อต้านพระเจ้า ความมืดมิด สงคราม, เรื่องเล่าของชาวยุโรปเหนือหรือแม้แต่ พิธีแม่มด (Witchcraft) และอื่นๆอีก ที่เกี่ยวกับความชั่วร้ายนั้น พวกเขาจะนำเสนอมาในรูปแบบของ Black Metal

เกี่ยวกับ ลัทธิซาตาน (Bohemian Grove)

Bohemian Grove (ลัทธิซาตาน)
Bohemian Grove เป็นที่ตั้งค่ายพักแรมกลางป่ามีเนื้อที่ขนาด 2700-เอเคอร์ (11 ตารางกิโลเมตร) อยู่ที่ 20601 Bohemian Ave, Monte Rio, California 95462 เป็นส่วนหนึ่งของที่ตั้ง คลับศิลปะลับๆของกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งในซานฟรานซิสโกที่รู้จักกันในนาม Bohemian Club ทุกๆปี (นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1899) Bohemian Grove จะถูกใช้เป็นที่พักประมาณ 2-3 สัปดาห์ เริ่มต้นในกลางเดือนกรกฎาคม ของกลุ่มผู้ชายบางกลุ่มที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก สมาชิกของ The Bohemian Club มีทั้ง ศิลปิน, นักดนตรีระดับโลก, ผู้นำทางธุรกิจอันดับต้นๆของโลก, เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล (รวมทั้งประธานาธิบดีบางคน), และผู้บริหารธุรกิจสื่อสารมวลชนอาวุโส เงื่อนไขในการ รับสมาชิกของคลับ มีการรายงานว่า มีคนที่รอคอยการพิจารณาอยู่ในลิสต์เพื่อสมัครสมาชิก นานถึง 15-20 ปี คิดว่าเร็วที่สุดที่เป็นไปได้ในกระบวนการสมัครสมาชิกก็น่าจะประมาณ 3 ปี ผู้ที่หวังจะได้เป็นสมาชิกใหม่ต้องได้รับการรับรองจากผู้ที่เป็นสมาชิกอยู่แล้วจำนวน 2 คน มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษา
หลังจากที่เป็นสมาชิก 40 ปี ผู้ชายจะได้รับสถานะ "Old Guard" (เทียบเท่าราชองครักษ์หรือรัฐบุรุษ) ซึ่งจะได้รับอภิสิทธิ์จัดที่นั่งให้เป็นพิเศษในการพูดคุยอย่างสง่าผ่าเผยในทุกๆ วัน สมาชิกอาจจะเชิญแขก ส่วนตัวเข้ามาในกลุ่มได้ จะเป็นใครก็ได้แต่มีกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวดกวดขัน แขกรับเชิญมาจาก ทั้งในอเมริกาและต่างประเทศ
คำขวัญของกลุ่มคือ "Weaving Spiders Come Not Here" อันซึ่งบอกเป็นนัยว่า เกี่ยวกับเรื่องภายนอกและการตกลงกันทางธุรกิจให้ปล่อยทิ้งไว้ข้างนอก อย่างไรก็ตามมีหลักฐานที่ยืนยันว่า การตกลงกันทางการเมืองและธุรกิจ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นจาก ณ. ที่แห่งนี้ ที่นี่ยังเคยเป็นที่วางแผนโครงการ ที่มีชื่อเสียงมากโครงการหนึ่งนั่นก็คือ โครงการแมนฮัตตัน ในเดือนกันยายน 1942 อันซึ่งนำไปสู่การสร้าง ระเบิดนิวเคลียร์ ในภายหลัง โครงการนี้ผู้ที่รับผิดชอบนอกจาก เออร์เนสท์ ลอว์เรนซ์ (Ernest Lawrence) และเจ้าหน้าที่ทางการทหารแล้ว ยังรวมถึง ประธานของมหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด และ ผู้แทนของกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมัน และ กลุ่ม จีอี
พิจารณาจากอดีตที่ผ่านมา..
The Bohemian Club เป็นคลับที่เป็นความลับ สมาชิกของคลับเท่านั้น(เรียกกันว่า "Bohos")
และ แขกรับเชิญของพวกเขาที่อาจจะได้เข้ามาในคลับนี้ แขกเหล่านี้เท่าที่เคยรู้มีทั้ง นักการเมือง,
คนที่มีชื่อเสียงจากภายนอกประเทศอเมริกา ระหว่างกลางฤดูร้อนที่มีการเข้ามาพัก จำนวนของ
แขกรับเชิญถูกจำกัดอย่างเข้มงวด ด้วยข้อจำกัดของสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีจำนวนไม่มาก
แต่กระนั้น ก็เคยมีรายงานว่ามี สมาชิกและแขกรับเชิญถึง 1,500 คนที่เข้ามาพักในการประชุมประจำปี
               รายชื่อ สมาชิกและแขกรับเชิญ ในการประชุมประจำปีของคลับ ถูกเก็บเป็นความลับ
แต่นักค้นหาได้อุทิศเวลาในการค้นหาโดยเข้าไปถึงคนบางคนในกลุ่มนี้
-          George W. Bush
-          Dick Cheney
-          Donald Rumsfeld
-          Karl Rove
อดีตประธานาธิบดีอเมริกัน:
-          George Herbert Walker Bush
-          Bill Clinton
-          Ronald Reagan
-          Jimmy Carter
-          Gerald Ford
-          Richard Nixon
-          Dwight D. Eisenhower
-          Harry S. Truman
-          Herbert Hoover
-          Calvin Coolidge
พร้อมด้วยบุคคลเหล่านี้ : Jeb Bush, Henry Kissinger, George P. Shultz, Earl Warren, Robert F. Kennedy, David Rockefeller, Jr. Nelson Rockefeller, James Wolfensohn, Alan Greenspan, Colin Powell, Jack Welch, Prince Philip, Duke of Edinburgh, John Major, Helmut Schmidt, Lee Kuan Yew, James Baker, Newt Gingrich, Neil Armstrong, Mark Twain, Francis Ford Coppola, Charlton Heston, Clint Eastwood, Walter Cronkite

แต่เดิมลัทธิซาตานเป็นขบวนการลับ แต่ปัจจุบันเปิดเผยตัวออกมาแล้ว มีลักษณะเป็นการต่อต้านศาสนาหรือต่อสู้กับเรื่องของพระเจ้า มีการนมัสการบุคคลที่ชื่อลูซีเฟอร์ (ซาตาน) ผู้ที่เข้าร่วมประชุมต้องปฏิเสธการเป็นคริสเตียน และยอมให้ลูซีเฟอร์เป็นพระเจ้าของพวกของเขา พบว่ากลุ่มพวกแม่แม่มดได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิซาตานอย่างมาก[1][2]
Bohemian Grove ได้จัดตั้งกระบวนการเข้าแทรกซึมทุกหน่วยงาน และได้จัดตั้งกองกำลังปฏิวัติสากล ที่เรียกว่า กลุ่มอิลลูมิเนติ (the Illuminati - ดวงประทีป) อันซึ่งในเวลาต่อมาเป็นที่รู้จักในนามว่า ลัทธิคอมมิวนิสต์(Communism)          ในปัจจุบันนี้  สโลแกนของการปฏิวัติสำหรับ กลุ่มอิลลูมิเนติ ในภาษาลาติน คือ
"NOVUS ORDO SECLORIUM," อันซึ่งหมายถึง "A NEW ORDER FOR THE AGES," การจัดระเบียบสำหรับยุคใหม่ ซึ่งมาจากความรู้ทางโหราศาสตร์
 

การกำเนิน แนว Metal ในไทย

1. ยุคแรก (ช่วงสงครามเวียดนาม) ส่วนใหญ่จะเป็น Hard Rock เช่น..
- Fresh & Skin หรือ วงเนื้อกับหนัง วงนี้เรียกได้ว่า เป็นวงขวัญใจคุณวิทูรย์ วทัญญู ยอดดีเจร็อคเมืองไทย ถ้าเปรียบเทียบ ย.โย่ง เป็นคัมภีร์ฟุตบอลแล้ว คุณวทัญญู นี่แหละเปรียบได้เหมือนคัมภีร์ร็อคเลยล่ะ

** มือเบสวงนี้เคยไปเล่นออกอัลบั้มเดี่ยวของเทียรี่ เมฆวัฒนา ด้วย

- VIP (นำโดย แหลม มอริสัน จาบอกให้วงนี้เล่นเพลงสดๆ Uriah Heep ได้ราวกับเปิดแผ่นทีเดียว)

- The Fox (นำโดยช. อ้น ณ บางช้าง วงนี้จะเล่นเน้นลีลาโซโลกีตาร์ชนิดจนฟันหักคาเวทีมาแล้ว)

- Kalidoscope (ยุคแรกๆที่มีพี่ปาน บุนนาค เล่นเบส แล้วมี Edward Vanso ฉายา Rod Stewart เมืองไทยมาร้องนำในตอนหลัง วงนี้เล่นแนวทั่วไป แต่ลีลานักร้องนำนี่สิ ม่ายเหมือนใคร และม่ายมีใครเหมือน)

- Rockestra นำโดย หรั่ง ชัชชัย สุขาวดี อดีตกองโยธวาทิตกองทัพเรือไทย เคยมี กิตติ กีตาร์ปืน มาเล่นให้ช่วงนึง วงนี้เล่น Queen เป็นหลัก

2. ยุคเพลงพาณิชย์ คือเป็นยุคที่มีค่ายเพลงเกิดขึ้นแล้ว
- The Olarn project นำโดย"โอ้ โอฬาร-โป่ง ปฐมพงศ์-อ.กุ๊งกิ๊ง-พิทักษ์-แตงโม

วง นี้ถือเป็นตำนานร็อคไทยยุคใหม่ เคยเล่นเป็นวงเปิด Deep Purple ทัวร์เมืองไทย ทำเอาคนดูคิดว่า พี่โอ้กลายเป็น Richie Blackmore เมืองไทยไปเลย ทำเอาวัยรุ่นสมัยนั้นต้องเล่นเพลง "อย่าหยุดยั้ง-ไฟปรารถนา-หนทางของคุณ" ฯลฯ ให้เป็น แต่ออกเทปกะค่ายโนเนม เลยอยู่ไม่ได้นาน จนมี Milestone มาชุบชีวิตใหม่จนยอดขายซึมบ่อทรายนานนับเกือบสิบปี

- Stone Metal Fire หรือ หินเหล็กไฟ วงนี้ซาวนด์คล้าย Mataliica + MotorHead มาแรงมากแต่ก็ยังเล่นเอาใจตลาดอยู่ดี นำโดยโป่ง-ปฐมพงศ์ / พิทักษ์ ศรีสังข์ และสร้างนักกีตาร์มือฉมังให้วงการอีกคน นั่นคือ ป๊อป เดอะซันนั่นเอง

- Blue Planet วงนี้มีปู แบล็กเฮด เคยร้องนำให้ด้วย กะ"กีตาร์เทพ" ชัคกี้ ธัญรัตน์ และป๋าโก้ มือกลองคาราบาว

- Uranium วงนี้ปูกะต๋อง แบลคเฮด มาฟอร์มวง แต่ค่ายเทปดันเจ๊ง ก็เลยอยู่ได้ไม่นาน

- Big Gun วงนี้มีเอก แบลคเฮด มาฟอร์มวงร็อคไทยวงแรกที่ใส่ยีนส์ขาสั้นทั้งวง

- The Exild วงนี้เล่นสดดุดัน แต่ค่ายเพลงดันแหกตาแฟนเพลงว่า เป็นชาวอินโดจีนอพยพไปหากินที่อเมริกา พูดไทยไม่ได้ แต่ร้องเพลงไทยแบบคาราโอเกะได้ เอ๊ะ..ไงเนี่ย ก็อยู่ได้ไม่นานเหมือนกัน

- Hi rock วงนี้ไม่ต้องพูดถึงมั้ง

แล้วก็อีกมากมาย เช่น
- สามโลกธาตุ
- Lava (ที่มี "รงค์" มือเบส ดิ โอฬาร ชุดหูเหล็ก ฟอร์มวง)

3. ยุคอินดี้ คือเป็นยุคที่เริ่มมีแนวเพลงใหม่เกิดขึ้น เช่น Death - Speed Metal - Power Metal เป็นต้น และสร้างวงใหม่เกิดขึ้น เช่น

- ดอน ผีบิน วงนี้ถือเป็นตำนานวงเดธ เมืองไทยได้เลย
- Heretic Angel หรือ Growing Pain
- โค คำราม
- The Rain
- Dezember
- ซีเปีย
- เฮฟวี่มด
- The Lamb แหะๆ..ขอแซวพี่มาโนช พุฒตาลหน่อยนะ

1990s Thai Death/Black Metal Underground

ในช่วงปี 90s ต้น ๆ มีวงดนตรีเมทัลอันเดอร์กราวด์นจากน่านอันเกิดจากการรวมตัวกันของสามพี่น้อง ตระกูลแก้
วทิตย์นามว่าดอนผีบิน ซึ่งวงนี้นั้นนั้นจริง ๆ แล้วเล่นแนวสปีด/แทรชครับ ไม่โหดน่ารักจังมถึงขั้นเดธ อัลบั้มแรก "โลกมืด" นั้นออกไปทางเฮฟวี่เมทัลที่ผสมผสานไปกับการโชว์ instrumental หลังจากชุดสอง ถ้าใครมีเทปนะครับลองสังเกตุดูว่าหน้า A นั้นจะมีแต่เพลงที่สับสปีดกันเร็ว ๆ เพลงสุดท้ายของหนานี้ (ทำไม) คือเพลงสุดอมตะนิรันด์กาลไปแล้ว ส่วนหน้า B นั้นเน้นความมีท่องทำนองชัดเจนมากครับถึงขั้นไพเราะซะว่างั้น เพลงบรรเลง เจ๋ง ๆ ก็เช่น Back to the Nature เป็นเพลงที่ผมอัดไว้ฟังทั้งม้วนครับ มันโดนใจอย่างบอกไม่ถูกที่

อัลบัมที่สอง "เส้นทางสายมรณะ"จึงเข้าสู่ความเป็นแทรชเจ๋ง ๆ ประมาณ Slayer ครับ เป็นชุดที่ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังมาก ๆ อัลบั้มต่อ ๆ มาคือการพัฒนาการโดยการเข้าหาความเป็น progressive มากขึ้นกลิ่นไอของ doom metal ก็ออกมาเยอะมาก แถมการนำเครื่องดนตรีพื้นบ้านของภาคเหนือสอดแทรก ถ้าเป็นพวกเมทัลจากยุโรปโดยเฉพาะแถบสแกนดิเนเวีย ประมาณว่าเป็น epic/folklore ที่เน้นการเล่าตำนานอาณาจักรโบราณ สงคราม ชนเผ่านักรบ ไวกิ้ง ส่วน ดอนผีล่องลอยเน้นเนื้อหาทางปรัชญามีสาระทุกอัลบั้มครับ คอนเสิร์ตที่ AUA คือความทรงจำที่ดีของผมและหลาย ๆ ท่าน ณ ที่นี้ ครับ ต้น ๆ ยุคเดียวกับดอนผีบินนั้น ยังมีอีกวงหนึ่งชื่อว่า "วิปลาส" ครับเล่นแทรชเช่นเดียวกัน ช่วงนั้นคือยุคเฟื่องฟูของดนตรีเมทัลทั้งในบ้านเราและต่างประเทศเลยครับ เนื่องจากอิทธิพลของดนตรีแทรชหรือที่เราเรียกกันว่าสปีดนั้น เข้ามามีอิทธิพลอย่างมากมายเหลือเกินต่อวงการเมทัลใต้ดิน ไม่ว่าจะเป็น Metallica, Pantera, Slayer, Sepultura จนถึงวงเมทัลสาขาต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับค่ายเทป VMP และค่ายอื่น ๆ

ในปี 1993 วงดนตรี"เดธเมทัลวงแรกของประเทศไทย" นามว่า Heretic Angels ได้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับการออก EP ชื่อว่า Exterminate The Respiration'93 ป็นเดธเมทัลสุดโหดบรรจุไว้ 5 เพลง สมาชิกดั้งเดิมที่ฝีมือเข้าขั้นโคตรเซียนก็คือพี่ วุธ (กีตาร์) พี่เลาะห์ (กลอง) และพี่ริน (manager) ครับ เป็นวงแรก ๆ ของไทยที่ก้าวเท้าออกไปสู่ความเป็นอินเตอร์ และได้ผลตอบรับจากแฟน ๆ อย่างดีเยี่ยมมาทุกอัลบั้มครับ

ปล: ดนตรีของ Growing Pain ไม่ว่าจะตอนอยู่กับพี่มาโนชญ์ หรือว่าพี่โป่งนั้น ก็แตกต่างกับ Heretic Angels มากครับ แม้ว่าสมาชิกบางท่านจะเป็นคน ๆ เดียวกัน จริงอยู่ว่า Growing Pain คืออีกวงที่เป็นผู้บุกเบิก แต่ ณ ปัจจุบันแล้ว Heretic Angels คืออะไรที่ชาวเมทัลอันเดอร์กราวน์ดเข้าถึงได้มากกว่ากันครับ
www.hereticangels.com ช่วงคอนเสิร์ต Demonic ครั้งที่สามถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นออกผลงานล่าสุด Delicious Sinistery

สำหรับวงเดธเมทัลที่เป็นที่กล่าวขานถึงอีกวงก็ คือ Dezember ครับ ออกผลงานมาเรียบ ๆ เคียง ๆ กับ Heretic Angels โดยมีอัลบั้มแรกชื่อว่า"ลัทธิซาตาน" ครับเน้นความเถื่อนเป็นหลักทั้งภาคเนื้อร้องและดนตรี แต่พี่ต้นมือกีตาร์จอมเทคนิคทำให้อัลบั้มเร้าใจมากยิ่งขึ้นครับ วงนี้ยังคงอยู่รอดมาจนปัจจุบันโดนมีฐานแฟนเพลงเพียบครับ พี่รัช โกบายาชิ กระทืบกลองได้สุดโหด เป็น โปรแกรสซีฟ เดธ เน้นเทคนิกนะคับ

Plahn คือวงดนตรีที่ก่อตั้งมาจากอดีตนักเรียนโรงเรียน อำนวยศิลป์ ครับ ก่อตั้งโดย หลักฟ้า สาสกุล (เอฟ) รัชพงศ์ รักแต่ตระกูล (โอ๋) และเพื่อน ๆ อีกสามคน มีชื่อเสียงมาจากการตระเวณทัวร์อย่างหนักทั้ง ก.ท.ม. และ ต.จ.ว. จนมีอัลบั้มแรกออกมาเมื่อประมาณสี่ปีที่แล้วชื่อว่า Stop War Stop Aids กับ Justice Music วงพล่านเรียกแนวดนตรีของพวกเขาว่า extreme metal ครับ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปแนวใดแนวหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วดนตรีของพวกเขามีรากฐานมาจากมา แทรช/เดธ/แบล็ค/เมทัลคอร์ อย่าง Metallica, Sepultura, Slayer, Immortal, Gorefest, Fear Factory และ Soulfly ครับ

อัลบั้มถัดมาของพล่าน มีชื่อว่า Thirdworld Not Slave ขึ้นกับสังกัดใหญ่ Warner Music Thailand คือพัฒนาการของทางวงครั้งยิ่งใหญ่ครับ ไม่ว่าเนื้อร้องที่กลายเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ แต่เนื้อหานั้นกลับกลายเป็น Tribalism (เผ่าพันธ์นิยม) แบบสุดขั้วครับ พวกเขาเน้นความเป็นเผ่าพันธ์มนุษย์สายเลือดเอเชีย ที่นำเสนอเนื้อหาทางการเมืองที่เข้มข้นสุด ๆ บอกเล่าถึงความเป็นชาติพันธ์ผ่านทางดนตรีเมทัลครับ ทุกครั้งที่วงพล่านเล่นคอนเสิร์ต พี่เอฟหรือฟ้า นักร้องนำคือต้นตำรับของการแสดงความเป็นเอเชียนด้วยการตะโกนว่า "We Are Asian!!!" แม้ว่าปัจจุบันวงนี้จะยุบวงไปแล้ว แต่สมาชิกบางท่านก็ยังคงอยู่ในแวดวงเมทัลอันเดอร์กราวนด์ และวงการร็อคของเมืองไทยครับ

ตอนนี้พี่เอฟอยู่วง เคนิโวล่า แล้วละ เป็น Extreams metal ละนะ

ผลงานเกือบทั้งหมดของเมทัลไทย อาจจะเก่าไปหน่อย

The Underground Metal Thai

Heretic Angels : Exerteminate The Respiration EP '93 (Death Metal)
Heretic Angels : Vistion Of Calamity
Heretic Angels : Delicious Sinistery
Heretic Angels : Live Savagery In june
Deathguy : Introdciton EP '98 (Brutal/Death)
Deathguy : The Secondary Quest
Surrender Of Divinity : Researsal Demo ' 98 (Black Metal)
Surrender Of Divinity : Oriental Hell Rhymich
Dark Mystery : Castle Of sorrowful Demo ' 99 (Black Metal)
Dark Mystery : Magical Realm Demo 2001
Macaroni : Cremation (Brutal/Death)
Macaroni : 13 th
Infernal Vile : The Infernal Beasted Season (Death/Black)
Clone : (Power Thrash Metal)
Donpheeben : (Thrash Metal)
Doomed Day : (Melodic Dark/ Doom)
Wipalard : (Thrash/Death)
Dezember : (Death Metal)
Carnivora : (Extreames Metal)
Growing Pain : Ex-Heretic Angels (Death Metal)
Last Revenge : Demo' 2001 (Brutal/Death)
Plahn : Stop War Stop Aids (Death Metal)
Gortia : Faith Demd ' 99 (Black Metal)
Caloric : EP 2001 (Black Metal)
Lacerate : Demo 2000 (Brutal/Death)
She's Gore : Demo 2001(Grind/Death)
Sinskids Demo 2003 (Brutal/Death)
Satyr : Demo 2003 (Brutal/Death)
Carnivorous Skin : (Brutal/Death)
Subhuman : (Brutal/Death)
Feelsick : (Brutal/Death)
Skullsher : (Brutal/Death)
Swining Corpse : (Brutal/Death)
Black Fire : Born To Be Bruns EP (Brutal/Death)
Luridness : Demo 99 (Death Metal)
Nameless Author : (Brutal/Death)
Carried Tha Weight : Multiunde Of Sorrow (Thrash Metal)
Cocomeram : (Headcore/ Death)
Thrash Porject : (Thrash Metal)
Insting : EP The Same As (Speed Metal)
Metal Man : wym EP (Speed Metal)
Ebola : In my Hate (Headcore)
Sepia : EP 84 ( Punk Metal )
Stuents Ugly : ( Punk Metal )
Nerve : Into The End Of Pair (Headcore)
Speedy Dog : (Heavy Metal)
Crass Sould : Comp. (Death,Headcore)
Demonic : Comp. (Death, Black,Headcore)
Live : Heretic Angels,Growing Pain,Cocomeram ,The Gut Maness


เครดิตจาก zhort-eyez.exteen.com/20100306/metal

มาว่ากันเรื่อง Brutaldeath และ Brutalslaming กันครับ

บางคนที่เคยฟังดนตรีแนว Brutal อาจจะสงสัยกันว่าแนวดนตรีนี้เป็นอย่างไรพูดถึงเรื่องอะไร
ผมจะอธิบาย โดยคราวๆตามความเข้าใจแล้วกัน ก็คือ แนวดนตรี Brutal
มันจะเป็นการสื่อถึงเรื่องราวที่สกปรกโหดเหี้ยม การฆ่าตกรรม เกี่ยวกับการตายที่น่าสยดสยอง
บรรยายถึงความซาดิส โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อให้ผู้ฟังได้ ซึมซับ ความ หยาบคาย ความอำมหิต
และกลิ่น คาวเลือด ซึ่งจะมีสัดส่วนทางดนตรีที่ซับซ้อนฟังยากและ มี ริฟ กีต้าร์และเบสที่ เร็วและดิบ
ลายกลอง ที่ ซับซ้อนละเอียด และ ถือว่าใช้พลังงานในการเล่นที่มากพอสมควร ส่วนนักร้อง
จะ สำรอกใน เสียงที่ต่ำ จะฟังคล้าย เสียง หมู อู๊ดๆวี๊ดๆ ถ้าเป็น slaming ก็จะร้องชนิดที่ว่าไม่ต้อง
นึกถึง ภาษากันเลยทีเดียว คือฟังกันไม่รู้เรื่องเลย แต่ใจความสำคัญของแนวนี้ จะหนักไปทาง
ดนตรีมากว่าภาษา เพราะ ต้องการจะเค้นความอำมหิตออกมาให้ได้มากที่สุด คนฟัง จะรู้สึกว่า
เหนื่อยจากการหั่นตัวโนต และ จังหวะของสัดส่วนดนตรี ที่ละเอียดยิบ
ดนตรี Brutaldeath และ Brutalslaming ก็จะมีข้อต่างเหมือนกันถ้าฟังดีๆ Brutaldeath จะมีกลิ่นไอของ
ดนตรีDeathmetal แฝงอยู่ โดยอาจจะมีลายโซโล่ หรืออาจจะยังมีตัวโนตที่เป็น melodic อยู่บ้าง
แต่จะไม่มากนัก คือยัง มีสัดส่วนที่ เป็น Deathmetal อยู่ ดูคราวๆก็อาจจะคล้ายๆ Deathmetal บ้าง
เสียงร้องจะพอ ฟังเข้าใจบ้าง แต่ไม่ถึงกับขนาดฟังไม่รู้เรื่อง และเสียงสำหรอกจะ ออก คล้าย
Deathmetal ส่วน ทาง Slaming Brutal ก็มีทางดนตรีที่ไม่ต่าง Brutaldeath ซักเท่าไหร แต่จะมีการ
สำรอก ที่ ฟังไม่รู้เรื่อง ใช่เสียง ที่ลึกและต่ำ และจะมีท่อนดนตรี ที่ เรียกกันว่าท่อน Breakdown
ที่จะเล่น สลับกับฟรีกีต้าร์ และลายกลอง

นี่ก็เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยครับ

เกี่ยวกับ technical / death metal

เรื่องทฤษฏีทางดนตรีผมยกให้ท่านอื่น ๆ จะเหมาะสมกว่าครับ แต่ถ้าจะให้อธิบายอย่างง่าย ๆ คร่าว ๆ ตามความเข้าใจและประสบการณ์ทางหูที่มีอยู่ก็จะง่ายกว่าสำหรับผมครับ

เมื่อดนตรีเดธเมทัลแตกแยกแขนงออกไปในลักษณะต่าง ๆ มากขึ้นก็มีคำจำกัดความมากขึ้นตามตัวเหมือนดนตรีสาขาอื่น ๆ นั่นแหละครับ แต่ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตามที่สุดแล้วก็คือเดธเมทัลอยู่ดีครับ

เรารู้กันอยู่แล้วว่าแหล่งกำเนิดที่สำคัญของดนตรีเดธเมทัลนั้นมาจากรัฐฟลอริดาของอเมริกา ซึ่งเมื่อตอนปลายยุค 80s เป็นต้นมามีวงเดธเมทัลเกิดขึ้นนับจนแทบไม่หวาดไหว แต่มีหลายวงวงที่เจ๋งจริง ๆ พยายามสร้างซาวน์ดเฉพาะของตัวเองขึ้นมาโดยเข้าสู่เดธเมทัลที่มีรายละเอียดซับซ้อนกว่าพวกโอลสคูลที่ติดคราบดนตรีแธรชหรือฮาร์ดคอร์พังค์ดิบ ๆ โฉ่งฉ่างอื่น ๆ ทั่วไปเช่นเอาดนตรีแบบโพรเกสซีฟ ฟิวชั่น และแจ๊สเข้ามาผสมผสานอย่างวงที่เรา ๆ รู้จักกันเช่น Death ของชัค, Monstrosity, Cynic, Atheist, etc… วงในพื้นที่แถบดังกล่าวอาจได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของเดธเมทัลพันธ์ใหม่ที่ฉีกแนวไปจากของเดิม จนปัจจุบันเราเรียกวงดนตรีที่เล่นในแนวทางแบบวงดังกล่าวว่า technical death หรือบางวงที่มีเสียงสังเคราะห์เข้ามาร่วมด้วยก็อาจเรียกว่า progressive deathหรือPsychedelic death กันไปเลยครับ มีวงสืบทอดสายพันธ์กันตามออกมามากมายทั่วทุกมุมโลกครับอย่างเช่น Anata (Sweden), Devine Embrace กับ Necrophagist (German), Into Eternity (Canada), Vermin (Holland) และ Alarum กับ Alchemist (Australia) ส่วนบ้านเราที่เห็นชัดเจนก็คือวง Dezember (Thailand) ครับ

พอมาถึงสายบรูทัล วง technical brutal death metal ก็คือวง technical death ในสาย brutal นั่นเอง (technical death + brutal music + other related genres eg. hardcore, grindcore, jazz, experimental death, etc..) ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าดนตรีจะออกไปทางไหนมีลูกเล่นเสริมเติมอย่างไร มองย้อนกลับมามันก็คือ brutal และย้อนกลับไปอีกทีก็คือ death metal นั้นเอง จุดกำเนิดน่าจะมาจากซาวน์ดดนตรีเดธเมทัลจากฝั่ง New York หรือที่เรารู้จักกันในนามของ NY Death Metal ครับ วงดนตรีเดธเมทัล (แรกเริ่มเดิมทีก็เรียกกันว่าเดธเมทัลเฉย ๆ ครับ) ผู้บุกเบิกก็ได้แก่รุ่นใหญ่ทั้งหลายอย่าง Suffocation, Immolation, Cannibal Corpse, Mortician, Brutal Truth (death/grind), etc… ปัจจุบันดนตรีบรูทัลที่ได้อิทธิพลมาจาก NY Death metal ได้ระบาดไปทั่วทุกหนแห่งของโลกเช่นเดียวกับซาวน์ดในแบบฟลอริดา วงที่เล่นดนตรีบรูทัลที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกขั้นก็ถูกเรียกขยายความไปว่า  “technical brutal death metal” ซึ่งอิเมจและเนื้อหาโดยส่วนมากก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดธเมทัลหรือบรูทัลเดธเมทัลโดยทั่ว ๆ ไปมากนัก

ถ้าจะให้อธิบายส่วนประกอบของรูปแบบดนตรีของวงดนตรีวงหนึ่งที่จะเล่น technical brutal death metal ตามที่ผมเข้าใจก็คือ ต้องเป็นวงที่:
- เล่นดนตรีเดธเมทัลที่โคตรโหดเชี่ย ๆ เกินกว่าคนหูอ่อน ๆ จะรับไหว (หรือไม่เปิดใจยอมรับ)
- มี riff ที่ซับซ้อนและมี rythmn break เป็นกระตั๊ก ๆ ส่วนโซโล่เจ็บจี๊ดแบบโอลสคูลบรูทัลอย่าง Immolation, Suffocation, Hate Eternal, Nile, Pessimist, Resurrection, Cryptopsy, Mortality และCannibal Corpse นั้นอาจจะไม่จำเป็นมากนักสำหรับวงรุ่นใหม่ ๆ อย่าง Skinless, Internal Suffering, Etenal Ruin, Dying Fetus, Psychroptic (Australia), Dawn Of Azazel (New Zealand), Origin, The Redchord, Devourment, Reinfection, etc…. ยิ่งวงในสาย grindcore/grind นั้นหาแทบไม่ได้
- เสียงร้องนำแบบบรูทัลโดยส่วนมากออกไปทางสำรอกกดต่ำมาจากคอหอย บางวงอาจจผ่านเอฟเฟ็คให้ดุโหดกว่าหรือเหมือนหมูถูกเชือดไปซะเลย
- ความสามารถหรือทักษะทางดนตรีนั้นไม่ต้องพูดถึง การเล่นดนตรีแบบ technical แต่ถ้านักดนตรีขาดความสามารถในการเป็น technician ก็จบเห่ เครื่องดนตรีทุกชิ้นต้องงัดทักษะความสามรถออกมาโชว์กันเต็มที่ riff/rythmn หามาเล่นกันเยอะ ๆ ซับซ้อนเข้าไว้อย่าย่ำอยู่กับที่เอาอย่างที่ใจอยาก เล่นได้ทุกเทมโปอย่าให้เป็นบรูทัลที่แบนราบ เอาดนตรีอื่น ๆ มาผสมด้วยอย่างเช่น Jazz, thrash, hardcore, etc… เพื่อเพิ่มสีสรรค์
- เตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับ blast beat ต้องมีแน่นอน สแนร์สาดแม่งเข้าไปมือตีนมีเท่าไหร่เอาออกมาใช้ให้หมด เอาซักเกือบ ๆ ครึ่งของ Mike Smith, John Longstreth, Pete Sandoval หรือFlo Mounier ก็ถือว่าเป็น technician ที่ใช้ได้แล้ว (อันนี้เว่อร์)

20 อัลบั้มชั้นยอดที่เป็นงานตัวอย่าง technical brutal death ที่ดีและ ควรมีไว้ครอบครองเพื่อสนองรูหู (ซึ่งบางชิ้นผมก็ไม่มีอ่ะ..อยากได้ บางอันก็เป็นแค่ไฟล์ MP3)

1. Cryptopsy – None So Vile
2. Suffocation – Souls To Deny
3. Skinless – Foreshadowing Our Demise
4. Devourment – Butcher The Weak
5. Internal Suffering – Aweakening Of the Rebel
6. Hate Eternal - King Of All Kings
7. Dying Fetus – Destroy The Opposition
8. Krisiun – AssasiNation
9. Origin – Echoes Of Decimation
10. Dim Mak – Knives Of  Ice
11. Reinfection – Peace Through Killing
12. Resurrection – Embalmed Exixtence
13. Decapitated – Organic Halucinosis
14. Avulsed - Gorespattered suicide
15. Nile – Annihilator Of The Wicked
16. Psycroptic – Symbols Of Failure
17. Necrophagist – Onset Of Putrefaction
18. Dawn Of Azazel – Sedition
19. Kill The Client - Escalation Of Hostility
20. Desolation – Crucif##ked



เครดิตจาก http://topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/2006/09/C4713351/C4713351.html
ประวัติแนว Death metal

Death metal มีความรุนแรงสุดขีดที่ต่อยอดมาจาก heavy metal โดยมีการเล่นกีตาร์ที่หนักหน่วงขึ้น ร้องแบบ deep growling ตีกลองเหมือนจะระเบิดกลอง(แนวรุนแรง) จังหวะต่างๆมีการสร้างให้ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปหลานจังหวะ

จุดกำเนิดของแนวเพลงอย่าง  thrash metal และ early blackmetal และ deathmetal เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1980 มีหลายวงที่เล่นแนว metal เช่น Slayer, Kreator, Celtic Frost และ Venom วงเหล่านี้มีอิทธิพลมากในแนวเพลงประเภทนี้ เป็นวงผู้บุกเบิกวงดนตรีแห่งความตายคือ Chuck Schuldiner เรียกได้ว่าเขาคือบิดาแห่งวงการ Death metal เลยก็ว่าได้ (*เดี๋ยวประวัติของ Chuck Schuldiner บิดาแห่งวงการ Death metal ผมจะเรียบเรียงมาลงอีกทีครับ)
วงดนตรีเช่น Possessed, Obituary, Carcass, Deicide, Suffocation และ Morbid Angel ถือได้ว่าเป็นวงบุกเบิกในช่วงในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และ 1990
Death metal ได้รับความสนใจมากขึ้น ค่ายอย่าง niche record, Earache และ Roadrunner ได้ปล่อยอัลบั้มแนวเพลง Death metal ออกมาอย่างต่อเนื่อง

การเลือกใช้อุปกรณ์มักจะใช้มือกีตาร์ 2 คน มือเบส 1 คน กลอง 1 คน และร้องนำ 1 คน

แม้ว่าจะตั้งค่ามาตรฐานการเล่นไว้อย่างตายตัวแต่บางครั้งก็จะมีเครื่องมืออย่าง keyboards เข้ามาเป็นส่วนเสริมเล็กๆน้อยๆด้วยในบางเพลง

Death metal เป็นที่รู้จักในการเล่นจังหวะทีรวดเร็วเปลี่ยนแปลงจังหวะระหว่างเล่นแบบฉับพลัน และเล่นอย่างซับซ้อน

การร้องมักจะร้องออกมาจากคอหอย เสียงร้องกดต่ำ หรือเป็นที่รู้จักกันในคำว่า ร้องแบบ death growls

Death growling เป็นรูปแบบการร้องที่ใช้เสียงต่ำสุด บางครั้งอาจจะฟังเหมือน Monster (สัตว์ประหลาด) มาร้องเพลง

เนื้อหาของ Death metal มักจะเขียนเกี่ยวกับ การนับถือซาตาน การต่อต้านศาสนา ไสยเวท เวทมนต์ ปรัวญา และการวิพากษ์วิจารสังคม แต่อาจมีการเขียนในแนวอื่นๆด้วย เช่น พูดถึงการผ่าตัดสพ การทรมาร การข่มขืน

ศิลปินแนว Death metal มักจะออกมาปกป้องแนวเพลงของตน เมื่อมีผู้วิจารณ์ผลงานในแง่ลบว่า death metal เป็นแนวเพลงที่ดีที่สุดเป็นศิลปะและให้ความบันเทิงได้ เช่นเดียวกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญในภาคอุตสาหกรรมภาพเคลื่อนไหว

นักวิจารณ์เพลงออกมาวิจารณ์เพลงแนว Death metal ว่าเป็นแนวเพลงที่ทำให้เกิดการสูญเสีย ความรุนแรงของเนื้อหาไม่เหมาะสมที่จะนำออกมาเผยแพร่ต่อสังคม

เช่นเดียวกับ Alex Webster มือเบส ของวง Cannibal Corpse ได้พูดไว้ว่า "เนื้อเพลงที่พวกเราเล่นอาจเต็มไปด้วยความรุนแรงหรือเลือด แต่มันก็เป็นเพียงคำพูดที่เราสื่อออกมาเป็นเพลง มิใช่การกระทำจริงของพวกเรา Death metal ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในวงการเพลงกระแสหลักได้เพราะเนื้อหาของเพลงมักเต็มไปด้วยเลือด แต่ผมคิดว่าที่ทำออกมารุนแรงมันก็เพื่อความบันเทิงเป็นหลักก็เท่านั้น "

ต้นกำเนิด
วงดนตรี heavy metal ที่มาจาก Newcastle จากเกาะอัลกฤษ นามว่า Venom ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวดนตรีมาตลอด จาก เฮฟวี มาเล่น แทรช เปลี่ยนมาเป็นเด็ธ และจบลงที่ แบล็คเมทัล กับอัลบั้มปี 1981 ที่มีชื่อว่า Welcome to Hell กลายเป็นแรงบันดาลใจของวงดนตรีแนว extreme metal
อีหนึ่งวงดนตรีที่มีอิทธิพลอย่างสูงอย่าง Slayer เกิดขึ้นในปี 1981 ถึงแม้ว่าวงนี้จะเล่นแนว thrash metal แต่ก็ยังมีความรุนแรงกว่าวงอย่าง Metallica, Megadeth หรือ Exodus ส่วนอับั้มที่สามของ  Slayer - Reign in Blood ได้ทำการเล่นแนว death metal เป็นครั้งแรกแต่ยังคงความเป็น แทรชและสปีดอยู่

การจัดหมวดหมู่แนวเพลงมักจะนำมาด้วยการทะเลาะวิวาทอันเนื่องมาจากความคิดเห็นส่วนตัวและการแปลความหมานในทางที่ผิดๆ เพราะวงดนตรีบางวงก็เล่นหลายแนววงดนตรีเหล่านี้ไม่สามารถแบ่งหมวดหมู่แนวดนตรีได้แต่มักจะถูงเอาไปวางไว้ในแนวดนตรีเด่นๆจึงเป็นที่มาของการแตกแยกดังที่กล่าวข้างต้น

Death metal
ต้นกำเนิดมาจาก Thrash metal, early black metal
ต้นกำเนิดวัฒนธรรมมาจาก กลางปี 1980 ที่ อเมริกา โดยเฉพาะในรัฐฟลอริดา
เครื่องมือทั่วไปที่ใช้คือ นักร้อง, กีตาร์ไฟฟ้า, กีตาร์เบส, กลอง
ความนิยมในกระแสหลัก เกิดขึ้นในวงการใต้ดินช่วงปี 1980 และเพิ่มขึ้นทีละน้อย และมีการแพร่หลานในระดับปานกลางในช่วงปี 1990 และมีการเพิ่มความหลากหลายในแนวเพลง Metal มากขึ้นตั้งแต่ยุค 2000 เป็นต้นมา

*จริงๆมีเยอะครับแต่ขอจบแค่นี้ดีกว่าเดี๋ยวยิ่งแปลยิ่งมั่วกลัวข้อมูลคลาดเคลื่อน ถ้าไม่เข้าใจหรืองงกับคำแปลเหล่านี้ต้องขออภัยด้วยนะครับเพราะแปลเองจากความรู้ภาษาอังกฤษอันน้อยนิด*
*ใครเก่งอังกฤษก็เข้าไปอ่านใน WIKI ได้เลยครับผม*
เครดิตจาก http://www.thailandrockmetal.com/